Home > รายงานพิเศษ
นายหยาง เจี๋ยฉือให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนเกี่ยวกับ การประชุม Belt and Road Forum for International Cooperation
2017-05-26 10:42

นายหยาง เจี๋ยฉือให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนเกี่ยวกับ

การประชุม Belt and Road Forum for International Cooperation

วันที่ 17 พฤษภาคม 2017 นายหยาง เจี๋ยฉือ มนตรีแห่งรัฐได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน ณ Diaoyutai State Guest House กรุงปักกิ่งโดยชี้แจงผลสำเร็จของการประชุมฯ ดังนี้

1. ถาม: การประชุมฯ ระหว่างวันที่ 14-15 พฤษภาคมสำเร็จลุล่วงและได้รับคำประเมินที่ดีจากประชาคมโลก ท่านคิดเห็นอย่างไรกับนัยสำคัญของการประชุมในครั้งนี้ ช่วง 100 วันก่อนการประชุมฯ ท่านได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเป้าหมายและสิ่งที่ต้องคำนึงของฝ่ายจีนในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ ท่านเห็นว่าการประชุมในครั้งนี้บรรลุเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้หรือไม่

ตอบ: การประชุมฯ เพิ่งจะปิดฉากไปและได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากทุกฝ่าย ครั้งนี้เป็นการจัดประชุมนานาชาติขนาดใหญ่ที่สุดภายใต้กรอบข้อเสนอริเริ่ม the Belt and Road Initiative เป็นงานทางการทูตพหุภาคีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีระดับสูงสุดที่ฝ่ายจีนเป็นผู้ริเริ่มและจัดงานมานับตั้งแต่สถาปนาประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และยังเป็นเวทีทางการทูตที่สำคัญที่สุดของปีนี้อีกด้วย การพัฒนาเศรษฐกิจของโลก ของจีนเอง รวมทั้งข้อเสนอริเริ่ม the Belt and Road กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ การประชุมฯ นี้จึงจัดขึ้นเพื่อจะส่งสัญญาณแก่ประชาคมโลกให้ทุกฝ่ายรวมพลังกันผลักดันความร่วมมือตามข้อเสนอริเริ่ม the Belt and Road และจับมือกันสร้างประชาคมมนุษย์ที่มีชะตากรรมร่วมกัน ซึ่งมีนัยสำคัญอย่างยิ่งต่อทั้งจีนและโลก

นับตั้งแต่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเสนอข้อริเริ่ม the Belt and Road ในปี 2013 ตลอดสี่ปีที่ผ่านมาข้อริเริ่มได้เปลี่ยนจากแผนงานและภาพฝันให้กลายเป็นการปฏิบัติจริงจนมีความคืบหน้าและความสำเร็จเกินคาด มิตรสหายนับวันยิ่งขยายวงกว้าง หุ้นส่วนความร่วมมือมากขึ้นตามลำดับ ความต้องการของแต่ละฝ่ายก็หลากหลายขึ้นเรื่อยๆ จึงจำเป็นต้องมีเวทีในการสื่อสารเพื่อสนับสนุนการขยายความร่วมมือของทุกภาคส่วน

ภายใต้ภูมิหลังเช่นนี้ การจัดประชุมฯ ของฝ่ายจีนจึงกล่าวได้ว่าเหมาะเจาะแก่เวลาเป็นอย่างยิ่ง ลักษณะพิเศษอันโดดเด่นอย่างหนึ่งของการประชุมนี้คือ มีผู้เข้าร่วมหลายฝ่ายและสามารถเป็นตัวแทนของฝ่ายนั้นได้เป็นอย่างดี ในจำนวนนี้มีผู้นำประเทศและผู้นำรัฐบาลจาก 29 ประเทศ กับผู้แทนอีก 1,500 กว่าท่านจาก 130 กว่าประเทศและองค์การระหว่างประเทศ 70 กว่าแห่งซึ่งครอบคลุมพื้นที่สำคัญต่างๆ ในห้าทวีปใหญ่

ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ข้าพเจ้ากับเพื่อนร่วมงานพร้อมด้วยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมฯ ตลอดจนกิจกรรมต่างๆ อาทิ การประชุม Round-Table Summit และการพบปะในระดับทวิภาคีจึงได้เป็นประจักษ์พยานในช่วงเวลาประวัติศาสตร์อันสำคัญจำนวนมาก พวกเรารู้สึกได้อย่างลึกซึ้งว่าประชาคมโลกให้การยอมรับสนับสนุนและมีส่วนร่วมกับข้อเสนอริเริ่ม the Belt and Road อย่างกระตือรือร้นมากขึ้นและมีความเข้าใจร่วมกันมากขึ้นทุกขณะ และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ ผู้นำกับผู้แทนจากแวดวงต่างๆ ที่มาเข้าร่วมประชุมฯ ล้วนเห็นดีกับอนาคตของข้อเสนอริเริ่ม the Belt and Road ล้วนมุ่งหวังจะใช้ข้อริเริ่มนี้เป็นจุดเปลี่ยนและใช้การประชุมนี้เป็นเวทีที่จะค้นหาแผนรับมือกับความท้าทายในปัจจุบัน รวบรวมพลังขับเคลื่อนเพื่อการพัฒนาร่วมกัน ตลอดจนผลักดันความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม

เป้าหมายที่ฝ่ายจีนจัดการประชุมฯ ขึ้นในครั้งนี้คือ กระชับความเข้าใจร่วมกันไปอีกขั้น เสริมสร้างจุดเชื่อมต่อของยุทธศาสตร์การพัฒนา กระชับความสัมพันธ์ระหว่างหุ้นส่วนให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผลักดันความร่วมมือระดับนานาชาติเพื่อให้บรรลุชัยชนะและผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งตอนนี้กล่าวได้ว่าพวกเราบรรลุเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้เป็นอย่างดี ดูจากปฏิกิริยาของฝ่ายต่างๆ แล้วทุกคนล้วนได้รับประโยชน์และรู้สึกว่ามาไม่เสียเที่ยวเปล่า ทั้งยังเห็นว่านี่เป็นงานซึ่งทุกฝ่ายจะเป็นผู้ชนะร่วมกัน

ความสำเร็จของการประชุมฯ ในครั้งนี้เกิดขึ้นจากการนำพาอันเด็ดเดี่ยวของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งมี ฯพณฯ สี จิ้นผิงเป็นศูนย์กลางและด้วยความทุ่มเทร่วมกันของทุกหน่วยงานในทุกท้องที่ที่เกี่ยวข้องซึ่งอุทิศตนในการจัดเตรียมงาน รวมไปถึงผู้แทนจากทุกฝ่ายที่มาเข้าร่วมการประชุมฯ ตลอดจนให้การสนับสนุนและความร่วมมืออย่างดียิ่ง ความสำเร็จของการประชุมในครั้งนี้จึงเป็นผลึกแห่งแรงใจและหยาดเหงื่อของทุกๆ คน

2. ถาม: การประชุมฯ ครั้งนี้ประสบผลสำเร็จอย่างสูง ไม่ทราบท่านจะชี้แจงสักเล็กน้อยได้หรือไม่ว่าประสบผลสำเร็จในด้านใดบ้าง ฝ่ายจีนในฐานะที่เป็นเจ้าภาพและผู้เสนอข้อเสนอริเริ่ม the Belt and Road ได้เสนอมาตรการสำคัญใดบ้าง

ตอบ: การประชุมฯ ครั้งนี้กล่าวได้ว่าประสบผลสำเร็จอย่างสูงและมีจุดที่น่าสนใจหลายประการ กล่าวโดยสรุปดังต่อไปนี้

หนึ่ง กำหนดทิศทางความร่วมมือตามแนวทาง the Belt and Road ในอนาคตให้แน่ชัดยิ่งขึ้น โดยถ้อยแถลงสำคัญของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในที่ประชุมฯ ระบุว่าจะต้องยืนหยัดในการร่วมหารือ ร่วมสร้าง และร่วมแบ่งปัน โดยทำให้การสื่อสารกันระหว่างนโยบายรัฐ การเชื่อมต่อกันของโครงสร้างพื้นฐาน การเชื่อมโยงกันทางการค้าการเงินรวมไปถึงหัวใจของพลเมืองกลายมาเป็นเป้าหมายของความพยายามร่วมกัน และสร้าง the Belt and Road ให้กลายเป็นเส้นทางแห่งสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรือง การเปิดกว้าง นวัตกรรม และอารยธรรม ทั้งนี้ผู้นำแต่ละประเทศต่างตอบสนองในเชิงบวกต่อถ้อยแถลงนี้และได้บรรจุแนวคิดที่เกี่ยวข้องลงในแถลงการณ์ร่วมของการประชุม Round-Table Summit ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงฉันทามติระหว่างประเทศในวงกว้าง

สอง กำหนดแผนที่เส้นทางการสร้าง the Belt and Road อย่างเฉพาะเจาะจง ระหว่างการประชุมฯ จีนกับประเทศอื่นๆ และองค์การระหว่างประเทศที่มาเข้าร่วมได้ดำเนินการประสานนโยบายร่วมกันอย่างรอบด้านและลงนามในเอกสารความร่วมมือหลายสิบฉบับเพื่อกำหนดพื้นที่และเส้นทางหลักสำหรับช่วงเวลาหนึ่งต่อจากนี้ พิมพ์เขียวอันยิ่งใหญ่ของข้อริเริ่ม the Belt and Road กำลังแปรสภาพเป็นแผนที่เส้นทางซึ่งสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ดังเช่นที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงกล่าวไว้ในการประชุม Round-Table Summit ว่าการประสานแผนพัฒนาร่วมกันระหว่างจีนกับประเทศต่างๆ และองค์กรระดับภูมิภาคอื่นๆ จะให้ประสิทธิผลแบบ "หนึ่งบวกหนึ่งมากกว่าสอง"

สาม กำหนดโครงการหลักจำนวนหนึ่งที่กำลังจะดำเนินการตามข้อริเริ่ม the Belt and Road โดยรายการความสำเร็จระหว่างประเทสต่างๆ ซึ่งผ่านเวทีการประชุมฯ นี้มีทั้งสิ้น 5 ประเภทใหญ่ 76 โครงการใหญ่และ 270 กว่าโครงการย่อย ในจำนวนนี้ยังรวมไปถึงรายชื่อโครงการความร่วมมืออีกเป็นพรวนยาวซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความร่วมมือตามข้อริเริ่ม the Belt and Road มีระดับที่ลึกซึ้งและแง่มุมที่กว้างขวางขึ้นเรื่อยๆ

ขณะเดียวกัน จีนในฐานะประเทศเจ้าภาพการประชุมฯ และผู้เสนอข้อริเริ่ม the Belt and Road ยังได้เสนอหลายมาตรการใหม่ในด้านต่างๆ อาทิ ด้านการประสานนโยบายรัฐและยุทธศาสตร์การพัฒนา การผลักดันการสร้างระเบียงเศรษฐกิจ การเสริมสร้างความร่วมมือในโครงการสำคัญ การเพิ่มความสนับสนุนด้านเงินทุน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบและความแน่วแน่ของจีนในการร่วมสร้าง the Belt and Road ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ประกาศเพิ่มเงินทุน 100,000 ล้านหยวนให้กับกองทุนเส้นทางสายไหม ส่งเสริมให้สถาบันการเงินดำเนินธุรกิจกองทุนในต่างประเทศเป็นสกุลเงินหยวนโดยคาดการณ์ว่าจะมีขนาดราว 300,000 ล้านหยวน เงินทุนเหล่านี้จะดำเนินการไปตามกลไกตลาดโดยมุ่งเน้นไปที่ภาคธุรกิจเป็นหลักเพื่อให้การสนับสนุนด้านเงินทุนที่เข้มแข็งยิ่งขึ้นแก่การสร้าง the Belt and Road

3. ถาม: ระหว่างการประชุมฯ ครั้งนี้ แต่ละฝ่ายให้คำประเมินอย่างสูงต่อหลักการร่วมหารือ ร่วมสร้าง ร่วมแบ่งปันที่ข้อริเริ่ม the Belt and Road ยึดถือ ท่านเห็นว่าการประชุมฯ ครั้งนี้สะท้อนหลักการ "สามร่วม" และแสดงให้เห็นว่าข้อริเริ่ม the Belt and Road เป็นผลิตภัณฑ์สาธารณะของนานาชาติในด้านใดบ้าง ประเด็นหลักในความร่วมมือระหว่างประเทศขั้นต่อไปของข้อริเริ่ม the Belt and Road มีด้านใดบ้าง

ตอบ: ร่วมหารือ ร่วมสร้าง และร่วมแบ่งปันคือแนวคิดหลักในความร่วมมือระหว่างประเทศของข้อริเริ่ม the Belt and Road และเป็นความเข้าใจร่วมกันซึ่งเขียนระบุอยู่ในเอกสารสำคัญต่างๆ อาทิ มติสหประชาชาติและปฏิญญาผู้นำเอเปค ในแถลงการณ์ร่วมของการประชุมระดับ Round-Table Summit ครั้งนี้ก็ได้ยืนยันหลักการนี้อีกครั้งเช่นกัน

ระหว่างจัดการประชุมฯ พวกเราได้ยึดถือในหลักการนี้โดยไม่เห็นแก่ส่วนตัวและไม่หาผลประโยชน์ส่วนตน สอดแทรกท่าทีในการ "ร่วมหารือ" ความตั้งใจในการ "ร่วมสร้าง" และความจริงใจในการ "ร่วมแบ่งปัน" อยู่ในด้านต่างๆ ของการจัดประชุมฯ:

ในด้านกำหนดการประชุม พวกเรายืนหยัดในรูปแบบที่เปิดกว้าง ผ่อนปรน เป็นประชาธิปไตยและมีความโปร่งใส ทั้งยืดถือแนวปฏิบัติที่มีมาแต่เดิม เปิดรับฟังความเห็นและความต้องการของแต่ละฝ่ายอย่างเปิดกว้าง ทั้งยังริเริ่มสิ่งใหม่ สร้างเอกลักษณ์ให้โดดเด่นโดยกำหนดเป็นรูปแบบ 3 in 1 ที่มีทั้งพิธีเปิด การประชุม Round-Table Summit และการประชุมระดับ High-level เพื่อให้แน่ใจได้ว่าแต่ละฝ่ายจะมีโอกาสในการมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่

ในด้านกำหนดวาระการประชุม พวกเราใส่ใจรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะของแต่ละฝ่ายตลอดจนรวบรวมเอาความคาดหวังและความต้องการของคลังสมอง (Think-Tank) สื่อมวลชนกับแวดวงต่างๆ ในสังคมที่มีต่อการประชุมฯ นี้ โดยกำหนดให้วาระหลักยึดประเด็นความท้าทายร่วมกันของเศรษฐกิจโลกเป็นศูนย์กลาง จึงกล่าวได้ว่าเป็นประเด็นปัญหาที่ทุกชาติให้ความห่วงใยและกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกร่วมระหว่างผู้แทนแต่ละประเทศที่เข้าร่วมการประชุมฯ

ในด้านผลสำเร็จของการประชุม ฉันทามติของทุกฝ่ายได้ถูกรวบรวมไว้ในแถลงการณ์ร่วมซึ่งพวกเราได้เชิญประเทสที่เข้าร่วมการประชุม Round-Table Summit มามีส่วนร่วมในการจัดทำแถลงการณ์และหารือกันอีกหลายรอบเพื่อให้แน่ใจได้ว่าฉันทามติของทุกฝ่ายจะได้รับการสะท้อนออกมาอย่างเต็มที่ ลิสต์รายการผลสำเร็จในครั้งนี้ล้วนเป็นผลจากความร่วมมือในการร่วมหารือ ร่วมสร้าง ซึ่งจะได้ร่วมแบ่งปันโดยประชาชนของทุกชาติ และสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและอนาคตของข้อริเริ่ม the Belt and Road

สำหรับทิศทางความร่วมมือขั้นต่อไปของนโยบายนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ทำการชี้แจงอย่างรอบด้านว่าจะสร้างให้ the Belt and Road กลายเป็นเส้นทางแห่งสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรือง การเปิดกว้าง นวัตกรรม และอารยธรรม พวกเราจะดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศรูปแบบใหม่โดยยึดความร่วมมือแบบได้ชัยชนะร่วมกันเป็นศูนย์กลาง สร้างความสัมพันธ์ระหว่างหุ้นส่วนแบบเจรจาแต่ไม่สร้างความขัดแย้ง แบบเป็นเพื่อนแต่ไม่เป็นพันธมิตร มุ่งเน้นพัฒนาในจุดที่เป็นปัญหาพื้นฐาน ผลักดันการสร้างระเบียงเศรษฐกิจ กระชับความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมและการเชื่อมโยงระหว่างกันให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ปรับปรุงระบบหลักประกันทางการเงินให้สมบูรณ์ สร้างเวทีความร่วมมือที่เปิดกว้าง สร้างโลกาภิวัฒน์ทางเศรษฐกิจซึ่งเปิดกว้าง ผ่อนปรน เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม มีสมดุล และได้ชัยชนะร่วมกัน ยืนหยัดในการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและให้นวัตกรรมขับเคลื่อนการพัฒนา สร้างกลไกความร่วมมือเชิงวัฒนธรรมในหลายระดับ และสร้างสรรค์โครงการเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่มากยิ่งขึ้นเพื่อส่งเสริมการพัฒนาอย่างผ่อนปรนของสังคม

ข้าพเจ้าเชื่อว่า หากเดินไปตามทิศทางนี้โดยอาศัยความพยายามร่วมกันของทุกคน ภาพฝันอันสวยงามตามข้อริเริ่ม the Belt and Road จะเป็นจริงได้อย่างแน่นอน

4. ถาม: ครั้งนี้เป็นการประชุมในระดับสูงสุดครั้งแรกภายใต้กรอบข้อริเริ่ม the Belt and Road ผู้แทนที่มาเข้าร่วมการประชุมฯ หลายท่านเห็นว่านี่เป็นเวทีความร่วมมือระหว่างประเทศที่ดียิ่งจึงเสนอแนะให้จัดการประชุมนี้เป็นประจำโดยกำหนดช่วงเวลาที่แน่นอน ไม่ทราบว่าฝ่ายจีนคิดเห็นอย่างไรในประเด็นนี้

ตอบ: หลังการประชุมฯ ประสบผลสำเร็จ ผู้นำประเทศและผู้แทนจากแวดวงต่างๆ จำนวนมากล้วนหวังให้การประชุมฯ จัดขึ้นเป็นประจำ อันที่จริงหลังจากปี 2013 ที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้เสนอข้อริเริ่ม the Belt and Road ขึ้นก็มีคนเสนอความเห็นทำนองนี้ในระดับนานาชาติมาตลอด ผู้นำประเทศกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงบางส่วนเคยเสนอแนะต่อฝ่ายจีนหลายครั้งว่าจำเป็นต้องมีเวทีความร่วมมือสักเวทีหนึ่งเพื่อประสานนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาได้สะดวกยิ่งขึ้น ทางภาคธุรกิจ สถาบันการเงิน และคลังสมองต่างก็เสนอความมุ่งหมายแบบนี้เช่นกัน

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเคยกล่าวหลายครั้งว่าข้อริเริ่ม the Belt and Road เป็นกิจร่วมกันของทุกชาติ ไม่ใช่กิจของจีนเพียงชาติเดียว การจะจัดประชุมฯ เป็นประจำหรือไม่จึงต้องยึดถือตามหลักการร่วมหารือ ร่วมสร้างและร่วมแบ่งปัน รับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายในวงกว้าง เนื่องจากระหว่างการประชุมฯ มีผู้นำและผู้แทนจากหลายประเทศเสนอให้ฝ่ายจีนจัดการประชุมฯ ต่อเนื่องและทำให้เป็นกลไกยิ่งขึ้นเพื่อสร้างเวทีและโอกาสให้อีกหลายประเทศได้มีส่วนร่วมในการสร้าง the Belt and Road เมื่อคำนึงถึงเหตุผลตามที่กล่าวมาข้างต้น ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงจึงได้แถลงในพิธีปิดการประชุมระดับ Round-Table Summit ว่าจีนจะจัดการประชุม Belt and Road Forum for International Cooperation ครั้งที่สองขึ้นในปี 2019 ด้วยเหตุนี้พวกเราจะร่วมกันเตรียมงานกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การประชุมฯ ออกมาดียิ่งๆ ขึ้นไป

5. ถาม: หลังมีการเสนอข้อริเริ่ม the Belt and Road ก็ได้รับการตอบรับเชิงบวกจากทุกหน่วยงาน ทุกท้องที่ ทุกแวดวงสังคมในจีน ระหว่างการประชุมฯ ครั้งนี้ ภาคธุรกิจ สถาบันการเงินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีนต่างมีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้น มีการลงนามในข้อตกลงความร่วมมือกับประเทศอื่นและสานต่อโครงการความร่วมมือเป็นจำนวนมาก ท่านมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับบทบาทของการประชุมฯ ที่มีต่อการส่งเสริมการพัฒนาและการปฏิรูปเปิดเสรีในเชิงลึกของจีน

ตอบ: นับตั้งแต่มีการเสนอข้อริเริ่ม the Belt and Road ทุกหน่วยงานในทุกท้องที่ของจีนต่างกระตือรือร้นปฏิบัติตามแนวคิดการพัฒนาอย่างมีความคิดริเริ่ม สอดคล้อง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เปิดกว้าง และร่วมแบ่งปัน โดยขยายระดับการเปิดกว้างต่อภายนอกและออกมาตรการที่เป็นรูปธรรมด้วยตนเองเป็นจำนวนมาก ภาคธุรกิจและสถาบันการเงินก็ดำเนินการประสานความร่วมมือกับประเทศตามแนวเส้นทาง the Belt and Road ผลักดันโครงการสำคัญและสร้างประโยชน์สุขแก่ประชาชนประเทศต่างๆ ตามแนวเส้นทางอย่างกระตือรือร้น ทางด้านคลังสมองและสื่อมวลชนก็ได้ให้ข้อเสนอแนะและความรู้อันมีค่าแก่ข้อริเริ่ม the Belt and Road เช่นกัน ทุกภาคส่วนต่างรวมพลังเป็นแรงขับเคลื่อนอันเข้มแข็งให้กับนโยบายนี้และเติมพลังงานใหม่ให้กับการพัฒนาในประเทศกับการปฏิรูปเปิดเสรีอย่างรอบด้าน

สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือการบูรณาการ the Belt and Road เข้ากับยุทธศาสตร์การพัฒนาระดับภูมิภาค อาทิ แถบเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียง เขตเศรษฐกิจปักกิ่ง-เทียนจิน-เหอเป่ย และการเชื่อมโยงเข้ากับเมืองเปิดเลียบชายฝั่งทะเล แผนฟื้นฟูภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (Northeast Revitalization Plan) แผนพัฒนาภาคกลาง (Rise of Central China) และการบุกเบิกพัฒนาพื้นที่รายทาง จึงเกิดเป็นรูปแบบซึ่งเปิดกว้างไปรอบทิศและสามารถเชื่อมโยงการพัฒนาระหว่างภาคตะวันออก-กลาง-ตะวันตกของจีนเข้าไว้ด้วยกัน

ระหว่างการประชุมฯ ผู้แทนจากแวดวงต่างๆ ของจีน อาทิ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รัฐบาลท้องถิ่น สถาบันการเงิน ภาคธุรกิจ และนักวิชาการต่างมาเข้าร่วมอย่างคึกคัก ไม่เพียงเป็นฝ่ายประสานนโยบาย ประสานโครงการ ประสานการดำเนินงานกับประเทศอื่นด้วยตนเอง ยังจัดกิจกรรมหลากหลายจนได้มิตรสหายและลงนามในข้อตกลงร่วมกันอีกมากมาย

ข้าพเจ้าเชื่อว่า เมื่อ the Belt and Road ก้าวเข้าสู่ช่วงใหม่อันเป็นช่วงแห่งความร่วมมือในทางปฏิบัติอย่างรอบด้าน การมีส่วนร่วมในเชิงลึกและในวงกว้างยิ่งขึ้นของทุกภาคส่วนในจีนจะสร้างคุณประโยชน์สำคัญแก่การพัฒนาของจีนและทั้งโลก

6. ถาม: ภายหลังการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 18 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน จีนเป็นเจ้าภาพงานทางการทูตโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ในปี 2014 จีนจัดการประชุมผู้นำเอเปค ในปี 2016 จัดการประชุมสุดยอด G20 ที่เมืองหางโจว ตอนนี้ก็เพิ่งจัดการประชุม Belt and Road Forum for International Cooperation เสร็จสิ้นไป นี่เป็นการส่งสัญญาณว่าจีนจะเป็นเจ้าภาพงานทางการทูตมากยิ่งขึ้นใช่หรือไม่ และจีนจะมีบทบาทด้านการกำกับดูแลเศรษฐกิจโลกมากยิ่งขึ้นใช่หรือไม่

ตอบ: การเป็นเจ้าภาพจัดงานทางการทูตเป็นจุดเด่นหนึ่งของการทูตจีนภายหลังการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 18 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน พวกเราจัดการประชุมผู้นำเอเปคที่ปักกิ่งต่อด้วยการประชุมสุดยอด G20 ที่หางโจว ปีนี้ยังจัดการประชุม Belt and Road Forum for International Cooperation ขึ้นอีก กล่าวได้ว่ามีเรื่องดีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หากถามถึงสาเหตุเบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงในเชิงรุกทางการทูตของจีน ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นเพราะปฏิสัมพันธ์ของจีนกับโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงรุกมากขึ้น พวกเราเห็นประเทศใหญ่น้อยเสมอภาคเท่าเทียมกันเสมอมา ขณะเดียวกันในฐานะประเทศใหญ่จีนก็ควรเพิ่มบทบาทและอุทิศตนมากขึ้นในการปกป้องสันติภาพของโลกและการผลักดันการพัฒนาร่วมกัน นี่คือความปรารถนาอันจริงใจและการลงมือปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมของฝ่ายจีน

ภายใต้ภาวะการณ์ปัจจุบันที่การเติบโตของเศรษฐกิจโลกอ่อนแอ จีนกระตือรือร้นที่จะเสาะหาทางออกให้กับเศรษฐกิจโลกมาโดยตลอด พวกเรามุ่งมั่นปฏิบัติตามแนวทางความร่วมมือแบบได้ชัยชนะร่วมกัน ผลักดันการสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์หุ้นส่วนระดับโลก ทุ่มเทสร้างเศรษฐกิจโลกแบบเปิดกว้าง มีความคิดริเริ่มและเชื่อมโยงกัน ทั้งนี้เพื่อจะสร้างสภาพแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้นให้กับการพัฒนาของจีน สร้างคุณประโยชน์ที่มากยิ่งขึ้นให้แก่การพัฒนาของโลก และใช้ความพยายามร่วมกับทุกฝ่ายในการสร้างสรรค์ประชาคมมนุษย์ที่มีชะตากรรมร่วมกัน

Suggest To A Friend:   
Print